|| Duckhams || น้ำมันเครื่องเบนซิน || น้ำมันเครื่องดีเซล || น้ำมันเครื่องมอเตอร์ไซค์ || น้ำมันเกียร์ || น้ำมันเบรค || น้ำมันไฮดรอลิค || น้ำยาหล่อเย็น || ตัวแทนจำหน่าย
Duckhams สูตรไหนเหมาะกับอะไรบ้าง << คลิ๊ก
สาระควรรู้โดยน้ำมันเครื่อง Duckhams
- น้ำมันเครื่องเบนซินสังเคราะห์แท้ดียังไง ?
- ซื้อน้ำมันเครื่องรถยนต์เบนซินสังเคราะห์แท้ยังไงให้ตอบโจทย์ ?
- เปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่องรถยนต์เบนซินกี่ลิตรจึงจะพอ แล้วเก็บไว้นานๆ ได้ไหม ?
- เทคนิคการเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่องใช้ได้ทั้งเบนซินและดีเซล ?
รถส่วนใหญ่โดยเฉพาะเครื่องยนต์เบนซินนั้นเมื่อขับนานๆ ไปได้ซักระยะหนึ่งแล้วจะรู้สึกได้ถึงสรรถนะของเครื่องนั้นไม่ดีเท่าที่ควรเหมือนตอนแรกๆ ที่รถออกมาใหม่ๆ ประกอบกับการใช้รถถึงเวลาที่ควรเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่องเบนซิน สิ่งแรกที่ควรนึกถึงคือการเลือกซื้อน้ำมันเครื่องเบนซินที่เหมาะกับตัวเอง ซึ่งในน้ำมันเครื่องแต่ละยี่ห้อก็จะมีคุณภาพและคุณสมบัติที่แตกต่างกันออกไป แต่หากเราเลือกใช้น้ำมันเครื่องเบนซินยี่ห้อที่มีเกรดคุณภาพที่ดีขึ้นย่อมส่งผลดีระยะยาวให้กับเครื่องยนต์โดยเฉพาะน้ำมันเครื่องเบนซินสังเคราะห์แท้ที่มีคุณสมบัติในการดูแลเครื่องยนต์ที่หลากหลายที่จะช่วยให้เครื่องยนต์สะอาด ป้องกันการสึกหรอ ข่วยประหยัดน้ำมัน ทำให้เครื่องยนต์มีความแรงเพิ่มขึ้น แรงบิดสม่ำเสมอ
น้ำมันเครื่องรถยนต์โดยทั่วไป หลัก ๆ ที่หาซื้อได้จะมีอยู่ 3 เกรดด้วยกันคือ เกรดธรรมดา, กึ่งสังเคราะห์ และสังเคราะห์แท้ 100% ซึ่งตัวสังเคราะห์แท้จะมีคุณภาพของน้ำมันเครื่องดีที่สุด ช่วยเพิ่มสมรรถนะของรถได้ดีที่สุด และมีราคาที่แพงที่สุดด้วยเช่นกัน ซึ่งแม้น้ำมันเครื่องคนละยี่ห้อจะอยู่ในเกรดเดียวกันก็ตาม แต่จะแตกต่างกันที่สูตรและสารเติมแต่งที่มีลักษณะเฉพาะของใครของมัน
แม้จะเป็นน้ำมันเครื่องเบนซินสังเคราะห์แท้เหมือนกันแต่ก็ยังไม่กล้าเปลี่ยนเพราะไม่แน่ใจว่าจะเลือกใช้น้ำมันเครื่องเบนซินที่ค่าความหนืดไหนดี ? เพราะน้ำมันเครื่องเบนซินสังเคราะห์แท้นั้นจะมีให้เลือกตั้งแต่ SAE 0W-30, SAE 0W-40, SAE 5W-30, SAE 5W-40, SAE 5W-50 เป็นต้น ซึ่งเรื่องนี้เราอาจจะพิจารณาน้ำมันเครื่องเบนซินที่เหมาะสมได้จากสภาพรถยนต์ของเราที่เราใช้อยู่เป็นหลัก กล่าวคือ
หากรถยนต์ของเราเป็นรถใหม่ที่มีอายุน้อยกว่า 5 ปี หรือเลขไมล์น้อยกว่า 100,000 กม. การเลือกน้ำมันเครื่องเบนซินสูตร SAE 0W-30 ก็อาจเป็นตัวเลือกที่เหมาะสำหรับเรา (ทั้งนี้รวมถึงรถยนต์ที่มีอายุการใช้งานและเลขไมล์ที่สูงแล้วแต่การพร่องน้ำมันเครื่องต่ำ)
หากรถยนต์ของเราเป็นรถที่ใช้มาได้ระยะเวลาหนึ่งแล้วมีอายุเกินกว่า 5 ปีขึ้นไป หรือเลขไมล์เกินกว่า 100,000 กม. และมีอัตราการพร่องน้ำมันเครื่องอยู่ในระดับปานกลาง ขอแนะนำให้เลือกสูตร SAE 0W-40 เพื่อถนอมเครื่องยนต์ให้เหมาะกับการใช้งานไปได้นานยิ่งขึ้น
อย่างไรก็ตาม หากรถยนต์ของท่านใช้ก๊าซ CNG/NGV หรือ LPG เป็นพลังงานหลักหรือเป็นรถยนต์ที่พัฒนาเครื่องยนต์เพื่อใช้ในการแข่งขันโดยเฉพาะ ขอแนะนำสูตร SAE 5W-50 ที่เหมาะสำหรับเครื่องยนต์เบนซินรอบจัดสมรรถนะสูง
1. เปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่องรถยนต์เบนซินกี่ลิตรจึงจะพอ ?
ในยานพาหนะแต่ละประเภทนั้นย่อมมีความแตกต่างกันทั้งในเครื่องของศักยภาพเครื่องยนต์ ความต้องการพื้นฐาน และปริมาณความจุของเครื่องยนต์ ดังนั้นในการเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่องนั้นจึงขึ้นอยู่กับรถแต่ละคันและความจุของเครื่องยนต์เป็นสำคัญ
แต่ถ้าอยากรู้ให้ชัดเจนไปเลยท่านก็ควรจะต้องตรวจสอบคู่มือการใช้งานของรถที่ท่านใช้อยู่ หรืออาจจะสอบถามกับผู้ที่เชี่ยวชาญทางด้านรถของคุณเพื่อหาข้อมูลที่แน่นอน ในที่นี้อาจรวมถึงผู้ที่มีประสบการณ์ในการเติมน้ำมันเครื่องในยานพาหนะลักษณะเดียวกับท่านก็จะเป็นเรื่องดี
โดยปกติแล้วสำหรับรถยนต์ก็ควรจะเผื่อปริมาณน้ำมันเครื่องรถยนต์เบนซินไว้ที่ประมาณประมาณ 4-6 ลิตรก็เพียงพอต่อการเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่องในหนึ่งรอบแล้วล่ะครับ แต่ขอย้ำให้ท่านทำการตรวจสอบเอากับคู่มือยานพาหนะของท่านก็จะสบายใจกว่าอย่างแน่นอนครับ
2. แล้วเก็บน้ำมันเครื่องเบนซินไว้นานๆ ได้ไหม ?
บางครั้งอาจมีเหตุการณ์ที่เราซื้อน้ำมันเครื่องรถยนต์เบนซินมาเติมจนเรียบร้อยแล้ว แต่กลับพบว่ายังพอมีน้ำมันเครื่องเหลืออยู่ประมาณหนึ่งจึงต้องการที่จะเก็บไว้ใช้ในโอกาสต่อไปนั้น เราเข้าใจถึงความต้องการที่แท้จริงของท่านเพียงแต่อยากจะแนะนำว่าการเก็บน้ำมันเครื่องเบนซินไว้นานๆ นั้นอาจไม่ใช่เรื่องที่เหมาะสมมากนัก เพราะน้ำมันเครื่องเก่าที่ไม่ได้ใช้นานอาจสะสมสิ่งต่างๆ ที่มีผลต่อความสะอาดของระบบ เช่น ตะกอน และสารต่างๆ ที่เกิดจากการใช้งานปรกติ การเก็บน้ำมันนานๆ อาจส่งผลให้น้ำมันเสื่อมสภาพได้ และอาจเป็นอันตรายต่อเครื่องยนต์ในระยะยาวได้ครับ
ย้อนกลับ
สำหรับบางคนที่ซื้อน้ำมันเครื่องที่เหมาะสมมาแล้ว แต่ยังไม่กล้าที่จะเปลี่ยนน้ำมันเครื่องเพราะกลัวว่าหากเปลี่ยนน้ำมันเครื่องไม่ถูกวิธีแล้วจะทำให้เครื่องยนต์เสียหาย ซึ่งเป็นความเข้าใจที่ถูกต้องแล้วครับแต่จะบอกว่าการเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่องนั้น จริงๆ แล้วก็ไม่ได้ยุ่งยากเกินความสามารถของเราไปได้หากรู้วิธีการเปลี่ยนน้ำมันเครื่องที่ถูกต้อง โดยหลักแล้วการเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่องจะใช้เวลาไม่เกิน 45 นาที ซึ่งขั้นตอนมีดังนี้
การเตรียมอุปกรณ์ : น้ำมันเครื่อง, ตัวกรองน้ำมันเครื่องที่คู่มือรถยนต์แนะนำ, แว่นนิรภัยพร้อมถุงมือยาง, กรวยพลาสติก, แม่แรงยกรถ, ประแจกระบอก, ผ้าเช็ดมือ, ประแจ
1. ใช้แม่แรงยกรถขึ้นแล้วใช้ขาตั้งรองรับ นำภาชนะที่ใหญ่พอประมาณสำหรับเก็บน้ำมันเครื่องเก่าทั้งหมดได้วางไว้ใต้อ่างน้ำมันเครื่อง เปิดฝาครอบน้ำมันออก
2. มุดตัวเข้าไปที่ใต้ท้องรถแล้วหาตำแหน่งรูถ่ายน้ำมันเครื่องซึ่งอยู่ใต้อ่างน้ำมันเครื่องแล้วถอดน๊อตที่อยู่ด้านล่างสุดของอ่างน้ำมันเครื่องออกเพื่อทำการถ่ายน้ำมันเครื่องเก่าออกจนหมด
3. หาตำแหน่งตัวกรองเก่าให้เจอแล้วหมุนประแจถอดตัวกรองเก่าออก ทำความสะอาดที่รองรับตัวกรองน้ำมันแล้วทาน้ำมันบางๆ ลงบนปะเก็นของตัวกรองอันใหม่ เพื่อเปลี่ยนเอาตัวกรองอันใหม่ที่เตรียมไว้เข้าไปใส่แทนที่
4. ค่อยๆ ใส่ตัวกรองอันใหม่เข้าไปแล้วขันให้เข้าที่โดยไม่ต้องแน่นเกินไป แล้วไขน๊อตกลับเข้าที่ให้แน่น
5. ค่อยๆ เติมน้ำมันเครื่องที่เตรียมไว้ลงในเครื่องยนต์ แล้ววัดระดับน้ำมันเครื่องทุกๆ การเติม 2 ลิตร หลังจากเติมถูกต้องแล้วให้ปิดฝาครอบน้ำมัน
6. สตาร์ทรถที่ไว้ 10 นาทีแล้วดับเครื่อง หลังจากนั้นทำการตรวจสอบระดับน้ำมันด้วยแท่งวัดระดับน้ำมันเครื่อง
7. เติมน้ำมันเครื่องเพิ่มให้เหมาะสม แล้วทำความสะอาดไปพร้อมกับตรวจสอบการรั่วซึมในตำแหน่งต่างๆ
8. นำน้ำมันเครื่องเก่าและกรองน้ำมันที่ใช้แล้วไปกำจัด
QS SAE 5W-30
น้ำมันเครื่องเบนซิน
คิวเอส SAE 5W-30
QS SAE 5W-40
น้ำมันเครื่องเบนซิน
คิวเอส SAE 5W-40
QXR SAE 10W-40
น้ำมันเครื่องเบนซิน
คิวเอ็กซ์อาร์ SAE 10W-40
HYPERGRADE PLUS SAE 15W-50
น้ำมันเครื่องเบนซิน
ไฮเปอร์เกรด พลัส SAE 15W-50
Q MOTOR OIL SAE 15W-40
น้ำมันเครื่องเบนซิน
คิว มอเตอร์ออยล์ SAE 15W-40
Q MOTOR OIL SAE 20W-50
น้ำมันเครื่องเบนซิน
คิว มอเตอร์ออยล์ SAE 20W-50
ติดต่อสอบถามได้ทุกช่องทาง
Website Facebook Youtube Instagram
Tiktok โทร.(ฝ่ายขาย) โทร.(การตลาด) โทร.(บัญชี)
LINE OA ที่ตั้งสำนักงาน ตัวแทนจำหน่าย